ค่าป้องกันแสงแดดหรือค่า SPF คืออะไร
ค่า SPF (Sun-Protection Factor) คือ
ตัวเลขที่ใช้บอกระดับการปกป้องผิวจากแสงแดด ตัวเลขที่ต่างกันนั้นประเมินจากการป้องกันรังสียูวีบีว่าป้องกันได้มากกว่าปกติกี่เท่า อย่างไรก็ตาม ค่า SPF ไม่ได้แสดงประสิทธิภาพของการป้องกันรังสียูวีเอ เช่น ผู้ที่ไม่ได้ทาครีมกันแดดจะมีผิวหนังแดงหลังตากแดดเป็นเวลา 15 นาที ส่วนผู้ที่ใช้ครีมกันแดดที่ค่า SPF 30 จะเกิดอาการดังกล่าวหลังตากแดดเป็นเวลา 450 นาที โดยคิดจากเวลาปกติที่ผิวหนังทนต่อแสงแดดได้คูณกับค่า SPF ที่ปกป้องผิวจากแสงแดดได้มากถึง 30 เท่า นอกจากนี้ การปกป้องผิวจากแสงแดดขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่ ระยะเวลาที่ออกแดด ช่วงเวลาที่ออกแดด สภาพแวดล้อม ฤดูกาล และอากาศ อีกทั้งยังมีระดับความแรงของแสงแดด การเสียดสีสัมผัส เหงื่อ หรือน้ำ ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพของค่า SPF ในครีมกันแดดที่ใช้ทาจริงต่ำกว่าค่าที่ได้จากห้องทดลอง ผู้ที่ใช้ครีมกันแดดจึงควรเลี่ยงอยู่กลางแจ้งที่มีแดดจ้าเป็นเวลานาน และต้องทาครีมกันแดดซ้ำอยู่เสมอ หรือทาซ้ำทุก 2-4 ชั่วโมง
ข้อควรรู้เกี่ยวกับครีมกันแดดและรังสียูวี
- ครีมกันแดดไม่สามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีได้อย่างสมบูรณ์ ควรใช้วิธีอื่นปกป้องผิวร่วมด้วย
- ผู้ที่มีอายุมากกว่า 6 เดือน สามารถใช้ครีมกันแดดได้ในกรณีที่แพทย์ไม่ได้กำหนดให้ใช้วิธีอื่นดูแลผิวจากแสงแดด ทั้งนี้ ควรสวมเสื้อผ้าที่ปกป้องผิวจากแสงแดดได้ รวมทั้งเลี่ยงเจอแดดจ้า เพื่อลดโอกาสเสี่ยงผิวถูกทำลายจากรังสียูวี
- ครีมกันแดดทุกตัวไม่สามารถป้องกันรังสียูวีได้ทั้งหมด โดยครีมกันแดดบางตัวอาจป้องกันเฉพาะรังสียูวีบี ซึ่งเป็นรังสีที่ส่องถึงพื้นผิวโลกเพียงร้อยละ 5 ในขณะที่ครีมกันแดดบางตัวป้องกันทั้งรังสียูวีบีและยูวีเอ
- ควรทาครีมกันแดดเมื่อต้องออกไปข้างนอกเสมอ เนื่องจากดวงอาทิตย์จะปล่อยรังสียูวีออกมาตลอดปี ซึ่งรังสีดังกล่าวสามารถแทรกชั้นผิวและทำลายผิวได้
- การอาบแดดเพื่อให้ผิวแทนถือเป็นอันตราย เนื่องจากผิวหนังจะได้รับรังสียูวีมาก โดยรังสียูวีเอจะทำให้ผิวแก่ก่อนวัย เกิดจุดด่างดำและฝ้า ส่วนรังสียูวีบีจะทำให้ผิวไหม้ ส่งผลให้เสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังได้สูง ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ผิวแทนบางตัวก็ไม่ผสมสารกันแดดเพื่อป้องกันรังสียูวีระหว่างที่อาบแดดด้วย
- ครีมกันแดดที่ระบุว่า Water Resistant นั้น จะช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีเมื่ออยู่ในน้ำได้นาน 40 นาที ส่วนครีมกันแดดที่ระบุว่า Very Water Resistant ช่วยปกป้องผิวเมื่ออยู่ในน้ำได้นานถึง 80 นาที อย่างไรก็ตาม ครีมกันแดดที่ระบุว่า Waterproof หรือ Sweat Proof ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านการรับรอง เนื่องจากใช้คำที่ไม่ถูกต้องและทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด
- ยังไม่ปรากฏว่าส่วนผสมในครีมกันแดดเป็นพิษหรือก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้
- ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแนะนำให้ทาครีมกันแดดที่ผสมค่าป้องกันแสงแดด SPF อย่างน้อย 30 ขึ้นไป ซึ่งจะช่วยป้องกันแสงแดดได้ถึงร้อยละ 97 อย่างไรก็ตาม ครีมกันแดดที่มีค่าป้องกันแสงแดดสูงจะช่วยป้องกันรังสีจากแสงแดดได้มากกว่าครีมกันแดดที่มีค่าดังกล่าวต่ำเพียงเล็กน้อย เนื่องจากครีมกันแดดไม่สามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างสมบูรณ์
- ยังไม่ปรากฏหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ว่าครีมกันแดดที่มีค่าป้องกันแสงแดดมากกว่า 50 สามารถปกป้องผิวได้ดีกว่าครีมกันแดดที่มีค่าป้องกันแสงแดด 50 ทั้งนี้ ผู้ที่ใช้ครีมกันแดดที่มีค่าป้องกันแสงแดดสูงหรือต่ำ ก็ไม่สามารถอยู่กลางแดดได้นานโดยไม่ทาครีมกันแดดซ้ำ
- สเปรย์กันแดดอาจทำให้ได้รับปริมาณสารกันแดดที่ใช้ทาผิวได้ยากกว่าสารกันแดดรูปแบบอื่น ส่งผลให้ทาสารกันแดดไม่เพียงพอ
- ครีมกันแดดอาจลดปริมาณการผลิตวิตามินดีของผิวหนัง